นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

5 ปริศนานักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

       นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

ย้อนกลับไปยังอเมริกาในช่วงปี 1960 ในขณะนั้น บอสตันเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอเมริกาเพียงเมือง

เดียวที่มีจำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆ ที่ว่าการเมืองบอสตันจึงประกาศการรณรงค์ฟื้นฟูเมืองขึ้น ประกอบ

กับในยามนั้น จอห์น F. เคเนดี้ซึ่งเป็นชาวรัฐแมสซาซูเสสเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จึงมี

การระดมทุนกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับโครงการ"นิวบอสตัน"นี้โดยเฉพาะเพื่อทำการปรับปรุง

เมือง 

เช่นการสร้างตึกระฟ้าเป็นที่ทำการราชการและออฟฟิส รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาสลัมอีกด้วย

                                       

และวันที่ 14 มิถุนายน 1962 ซึ่งเป็นวันประกาศโปรเจคต์ยักษ์ใหญ่นี้เองที่เป็นวันเดียวกับการเปิดฉาก

ของคดีนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน ผลทำให้เนื้อที่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่ควรจะขึ้นข่าวนิวบอสตันถูก

พาดหัวนักฆ่าแห่งบอสตันแย่งไป สายตาทั่วโลกต่างหันมาจับตามองบอสตัน .....หากไม่ใช่ในแง่ของ

เมืองที่กำลังจะพัฒนาใหม่ แต่เป็นในฐานะของเมืองที่มีฆาตกรกำลังอาละวาดอยู่

แอนนา สเลเซอร์ส  ถูกพบอยู่ในห้องพักของตัวเองบนชั้นสาม ศพเกือบจะเปล่าเปลือย แขนขาถูก

จัดวางให้กางแผ่ออก หลังศรีษะมีรอยถูกทุบ คอถูกรัดด้วยสายคาดเอวของเสื้อคลุมอาบน้ำ ในห้องมี

ร่อยรอยการรื้อค้นแต่ไม่มีสิ่งของมีค่าหายไป แอนนาไม่ได้ถูกข่มขืน แต่มีร่อยรอยการถูกล่วงเกินทาง

เพศด้วยขวดไวน์

30 มิถุนายน นีน่า นิโคลส์  ถูกพบเป็นศพในสภาพที่ใกล้เคียงกับศพของแอนนาและมีร่องรอยถูก

ล่วงเกินทางเพศเช่นกัน

                                                   


นอกจากนี้ ทั้งสองคดียังมีส่วนคล้ายคลึงที่ไม่ได้ประกาศลงหนังสือพิมพ์อีก 2 ประการ

ประการแรก เมื่อคนร้ายรัดคอเหยื่อแล้ว เขาได้ใช้เชือกที่รัดคอนั่นเองผูกเป็นโบว์ทิ้งไว้

ประการที่สอง ศพถูกจัดท่าให้นอนถ่างขา และหันฝั่งขาไปทางประตู


และในวันเดียวกันนี้เอง เฮเลน เบลค ก็ถูกพบเป็นศพซึ่งมีสภาพตรงกับสองศพข้างต้นทุกประการ 

มาถึงตรงนี้ ตำรวจจึงเพิ่งสำนึกได้ว่าบนท้องถนนในเมืองมีฆาตกรโหดกำลังเพ่นพ่านอยู่


* ที่จริงแล้ว ในวันที่ 28 มิถุนายน ได้มีการพบศพของแมรี่ มัลเลนส์  ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นเหยื่อ

ของนักฆ่ารัดคอเช่นกัน แต่เนื่องจากศพของเธอไม่ได้ถูกรัดคอ ตอนเกิดคดีจึงเชื่อกันว่าเป็นการเสียชีวิต

ตามธรรมชาติ คาดว่าเนื่องจากแมรี่มีอายุมากแล้ว เป็นไปได้ว่าเธออาจจะหัวใจวายตายไปก่อนที่จะถูก

ลงมือฆ่าก็เป็นได้


19 สิงหาคม ไอด้า อีร์ก้า  ถูกสังหาร สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วบอสตัน หนังสือพิมพ์"บอสตัน

เฮรัลด์"ได้ออกข่าวเตือนประชาชนให้ระวังรับมือฆาตกรอย่างใจเย็น

แต่คำเตือนดูหมือนจะไม่เป็นผลนัก วันที่ 30 สิงหาคม เจน ซัลลิแวน  ถูกพบเป็นศพดังเช่นเคย 

อวัยวะเพศซึ่งหันไปยังประตูห้องนั้นมีด้ามไม้กวาดเสียบอยู่ นอกจากนี้ คนร้ายยังทิ้งลายเซ็นไว้เหมือนจะ

เป็นการท้าทายตำรวจอีกด้วย

การปรากฏตัวของนักฆ่ารัดคอผู้นี้ได้กลายมาเป็นการขัดขวางการทำงานหลายอย่าง เป็นต้นว่าบุรุษ

ไปรษณีย์ พนักงานโทรเลข เจ้าหน้าที่เช็คมิเตอร์น้ำและไฟ ผู้สนับสนุนของนักการเมือง หากที่ได้รับ

ผลกระทบมากที่สุดนั้นคือพนักงานขายของตามบ้าน โดยเฉพาะเครื่องสำอาง AVON ซึ่งเน้นตลาดไป

ยังการขายตรงตามบ้านนั้นมียอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

                                          

สัญญาณกันขโมยอย่างง่ายระหว่างที่เกิดคดี

มีการวางกระป๋องกับขวดไว้ตามบันไดอพาร์ทเมนท์และหน้าประตูห้องพัก


ตำรวจขอความช่วยเหลือไปยังนักอาชญากรรมจิตวิทยา ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้ส่งโปรไฟลิ่งก์กลับมา

ว่า คนร้ายน่าจะเป็นชายผิวขาวที่มีความแค้นต่อแม่ของตัวเอง (เนื่องจากผู้ตายทั้งหมดเป็นหญิงผิวขาว

สูงอายุ) ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนต่อโดยอาศัยเบาะแสดังกล่าว แต่ในไม่ช้า ศพถัดมาก็ทำให้พวกเขา

ต้องสับสน


5 ธันวาคม โซฟี่ คลาร์ก เป็นหญิงผิวดำอายุ 20 ปี เธอถูกข่มขืนเป็นรายแรกจากเหยื่อทั้งหมด ซึ่งข้อ

เท็จจริงนี้ทำให้การสืบสวนต้องกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง

31 ธันวาคม แพทริเชีย บริสเซ็ต  ถูกสังหาร

9 มีนาคม 1963 แมรี่ บราวน์  ถูกสังหาร *แมรี่เสียชีวิตเนื่องจากถูกแทง ขณะเกิดคดีจึงยังไม่ถูกนับ

เป็นฝีมือของนักฆ่ารัดคอ

6 พฤษภาคม เบเวอรี่ ซาแมนส์  ถูกสังหาร

8 กันยายน เอเวอลิน คอร์บิน  ถูกสังหาร

23 พฤศจิกายน โจแอน กราฟฟ์  ถูกสังหาร ซึ่งวันนี้ยังเป็นวันที่มีความหมายสำคัญอีกอย่าง มันคือ

วันพิธีศพของจอห์น F. เคเนดี้ ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อวันก่อนนี่เอง ผลทำให้ความฝันที่จะสร้างเมืองใหม่

ของบอสตันพังทลายไปพร้อมกับกับประธานาธิบดีผู้นี้ด้วย


4 มกราคม 1964 แมรี่ ซัลลิแวน  ถูกสังหาร มีด้ามไม้กวาดเสียบอยู่ในอวัยวะเพศ ทรวงอกข้างหนึ่ง

ถูกตัด มีการพบอสุจิอยู่บนใบหน้าและในปากของศพ นอกจากนี้คนร้ายยังได้แนบการ์ดใบหนึ่งไว้ที่นิ้ว

เท้าซ้ายของศพอีกด้วย

"Happy New Year"

และเธอก็กลายมาเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน


* ตรงนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับคดีเท่าไหร่นัก แต่อ่านแล้วน่าสนใจดีเลยแถมค่ะ

ตำรวจจนมุมกับการสืบสวน พวกเขาจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังปีเตอร์ ฮูร์คอส ซึ่งเป็นนักสืบ

พลังจิตที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้น (ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง The Boston Strangler ก็จะมีฮูร์คอส

ออกโรงด้วยค่ะ) ฮูร์คอสได้ทำการสแกนและกล่าวว่า"คนร้ายเป็นชายร่างผอม หนักประมาณ 59-63 

กิโลกรัม สูง 170-173 เซนติเมตร จมูกงุ้ม แขนซ้ายมีแผล มีปัญหาเกี่ยวกับนิ้วโป้ง และทำงานเกี่ยวกับ

รองเท้า"

                                                          



ปีเตอร์ ฮูร์คอส


ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยมีชายผู้หนึ่งที่มีลักษณะตรงกับการสแกนนี้ไม่ผิดเพี้ยน หากสุดท้ายชายดังกล่าวก็

ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง ซึ่งจะอย่างไร ฮูร์คอสก็ได้ยืนยันจนตลอดชีวิตของตัวเองว่าชายคนนี้แหละที่เป็น

คนร้ายอย่างแน่นอน (หากคำกล่าวนี้ก็ไม่ได้รับความเชื่อถือเท่าใดนัก กระทั่งจากบุคคลที่ให้การสนับ

สนุนฮูร์คอสเองด้วย)


และในขณะที่ตำรวจจนปัญญากับคดีนี่เอง ก็มีโทรศัพท์มาจากทนายชื่อลี เบย์ลี่ ซึ่งโทรศัพท์นี้ได้กลาย

มาเป็นกุญแจไขรูปคดี และทำให้ชื่อของอัลเบิร์ต เดซัลโว ก็ปรากฏขึ้นมาบนเวทีในที่สุด

ที่มา http://ohx3.exteen.com/20070222/the-boston-strangler

1 ความคิดเห็น: